-->
คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข

Smile

บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน 


ในแต่ละวันให้นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเอง ที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่ายๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป และต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ

บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี

ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่า ทุกๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคน และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต

บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

คือการอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก

บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ

ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ หรือได้ยินบ่อยๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดีๆ (Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง (Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้


บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ

โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ

1. การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตได้เรื่อยๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน
2. ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน
3. สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา
4. ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น



วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

คลายเครียดก่อนสอบ





ก่อนอื่น ต้องรู้ว่าคุณเครียดมากน้อยแค่ไหน โดยดูจากอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนสอบ ได้แก่ อาการปวดศรีษะ ใจสั่น หัวใจเต้นแรงและเร็วกว่าปกติ ถอนหายใจบ่อย ๆ ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย มีเหงื่อออกมาตามฝ่ามือฝ่าเท้า ปวดต้นคอ ปวดหลัง รู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย วิตกกังวล นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ ท่องหนังสือไม่จำ อ่อนเพลีย เบื่ออาหารไม่อยากอ่าน ไม่อยากท่องหนังสือ อยากดื่มชา กาแฟ หรืออยากดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ อยากสูบบุหรี่มากกว่าปกติ หมกมุ่นอยู่กับความคิดแง่ลบ เช่นต้องสอบไม่ได้แน่ ต้องสู้คนอื่นไม่ได้แน่ ต้องสับสนตอนสอบแน่ เป็นต้น

ถ้ามีอาการเหล่านี้มาก แสดงว่าคุณกำลังเครียดมากต้องหาวิธีคลายเครียดโดยด่วน
วิธีแรก คือ ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อต่อสู้กับความเครียดโดยนอนหลับพักผ่อนให้พอ ควบคุมอาหารโดยรับประทานพืชผักผลไม้ให้มากขึ้น ลดอาหารหวานจัด เค็มจัด มันจัด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควรออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่าบ้าง อย่าเอาแต่จมอยู่กับการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว
วิธีต่อมา คือ ต้องจัดตารางดูหนังสือสอบให้ดี ให้เวลากับวิชาที่ยากมากหน่อยควรเตรียมดูหนังสือแต่เนิ่น ๆ อย่ามาเร่งเอาก่อนสอบไม่กี่วัน จะทำให้สับสนและเกินกำลังที่สมองจะรับไหว ควรจัดเวลาพักผ่อนหย่อนใจคลายเครียดเป็นระยะด้วย เช่น มีเวลาสำหรับดูหนัง ฟังเพลง เดินเล่น คุยกับเพื่อน ฯลฯ
ต้องขจัดความคิดเชิงลบที่บั่นทอนกำลังใจออกไปให้หมดพยายามคิดในแง่บวกให้มากขึ้น เช่น เมื่อใดที่คิดว่าสอบคราวนี้ ต้องตกอย่างแน่นอนให้ถามตัวเองว่าเคยสอบตกมาก่อนหรือไม่ ถ้าไม่เคย แสดงว่าเรามีความสามารถพอตัว ทำไมคราวนี้จะต้องกลัวด้วย หรือถ้าเคยสอบตกมาก่อน ต้องถามตัวเองว่า ที่เคยตกเพราะเครียมตัวไม่พร้อมใช่ไหมแต่คราวนี้เราทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้วย่อมไม่ตกแน่ ต้องสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ว่าเมื่อเราได้ทบทวนวิชาต่าง ๆ จนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ไม่ว่าข้อสอบออกมาแนวไหน เราต้องทำได้อย่างแน่นอน
การเสริมสร้างความคิดแง่บวกให้กับตัวเองจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้เพิ่มมากขึ้น ลดความวิตกกังวล ในการสอบลงได้
การเสริมสร้างความคิดแง่บวกให้กับตัวเองจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้เพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญ ควรรู้จักฝึกคลายเครียดเป็นประจำทุกวันด้วย จะช่วยให้จิตใจสงบมีสมาธิ มีความจำที่ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่มีปัญหาในการท่องหนังสือแล้วลืมอีกต่อไป



วิธีการคลายเครียดแบบง่าย ๆ คือการหาเวลาสักวันละ 15-20 นาที นั่งสงบจิตใจโดย หลับตา โดยตัดสิ่งรบกวน จากภายนอก หายใจเข้าลึก ๆ แล้วหายใจออกช้า ๆ ทุกครั้งที่หายใจออก ให้นึกถึงคำว่า “สบาย” ด้วยทุกครั้ง หายใจแบบนี้สัก 3-4 ครั้ง จากนั้นให้หายใจตามปกติ
ต่อไปให้สำรวจกล้ามเนื้อไปทีละส่วนตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า ถ้ารู้สึกว่ากล้ามเนื้อส่วนใดเกร็ง ให้พยายามคลายให้รู้สึกสบาย เช่น ถ้าขมวดคิ้ว กำหมัด กัดฟัน ยกไหล่ ก็ให้คลายให้อยู่ในท่าสบายที่สุด ในช่วงนี้ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น คิดแต่ความสบายของร่างกายเพียงอย่างเดียว ช่วงนี้จิตใจก็จะเป็นสมาธิ ว่างจากเรื่องกลัดกลุ้มอื่น ๆ เป็นเวลาแห่งการคลายเครียดอย่างแท้จริง
เมื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ทุกส่วน แล้วจิตใจรู้สึกสบายแล้ว ก็ให้นั่งเงียบ ๆ สักพักจึงค่อยลืมตาขึ้น เป็นอันจบการผ่อนคลายความเครียดหนึ่งครั้ง ควรทำวันละครั้งเป็นประจำทุกวัน จะได้ผลดี
การฝึกครั้ง แรก ๆ อาจจะยาก ใจไม่สงบผ่อนคลายกล้ามเนื้อไม่เป็น ก็ไม่ต้องตกใจหรือเร่งรีบ ถ้ามีปัญหาในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ให้ลองเกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ไปก่อน แล้วค่อยคลาย เช่น กำมือแล้ว คลาย แล้วจดจำว่าช่วงคลายนั้นเป็นอย่างไร เรารู้สึกสบายอย่างไร คราวหลังเมื่อฝึกจนชำนาญแล้วไม่ต้องเกร็งให้คลายอย่างเดียว ก็จะทำได้เอง

ต่อไปทุกครั้งที่เครียดไม่ว่าจะเพราะการสอบหรือเรื่องใดก็ตาม ให้ใช้วิธีการคลายเครียดแบบเดียวกันนี้ จะช่วยคลายเครียด ลดความวิตกกังวล พร้อมที่จะสู้กับปัญหาอุปสรรคได้ดีขึ้น โดยเฉพาะถ้าสามารถทำได้ก่อนเข้าสอบ ก็จะยิ่งดี จิตใจจะสงบ มีสมาธิในการทำข้อสอบมากขึ้น