-->
คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

Diary

~ สาระ ดี ๆ 8 วิธีดับอารมณ์ร้อน ~

1. นับ 1-10 ..... ไม่ใช่เรื่องตลก..ก ในยามที่คุณไม่สบอารมณ์กับคำพูดของเพื่อนบางคน แล้วแทนที่จะสวนกลับด้วยคำพูดที่เจ็บแสบพอกัน กลับปรับอารมณ์ตัวเองด้วยการนับ 1 -10 ในใจ เพื่อที่จะห้ามตัวเอง และมีเวลาพิจารณาคำพูดของเพื่อน ๆ ว่า กำลังอยู่ใน อารมณ์ที่กำลังเย้าแหย่เล่น มากกว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็ป่วยการที่จะโกรธเคืองให้งานกร่อย ปล่อยให้เล่นสนุกไปสักพักเดี๋ยวก็เลิกเล่นกันเองแหล่ะ แต่ถ้ายังทนไม่ไหว ก็เพิ่มจาก 10 เป็น 20 30 จนถึง 100

2.เลี่ยงหลบๆ ไปให้พ้น ..... ถ้ารู้ว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน และมักจะใช้กำลังทำลายข้าวของ หรือแม้กระทั่งคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า วิธีการเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นเป็นการดีที่สุด สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวออกไปจากจุดนั้น จนกว่าจะสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้ จึงหันหน้ากลับมายังทิศทางเดิมเพื่อสะสางปัญหา

3. ตังใจฟัง.....ระหว่างการอภิปรายหรือโต้เถียงอย่างรุนแรง และคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกพาดพิง และวิจารณ์อย่างดุเดือด การโต้ตอบทันทีทันใดแบบเลือดขึ้นหน้า เป็นการเปล่าประโยชน์และแสดงวุฒิภาวะทางอารมณ์อย่างไม่ควจจะเป็น การตั้งใจฟังจะทำให้คุณใคร่ครวญ ถึงคำพูดที่ถูดพาดพิงได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เพราะคนที่พูดนั้นมีโอกาสที่จะพลาดได้มากกว่าคนที่ไม่พูดอะไรเลย

4.หมั่นฝึกสมาธิ.....สมาธิเป็นการฝึกจิตชั้นดีที่สุดที่สามารถทำให้คนอารมณ์ร้อนกลายเป็นคนอารมณ์เย็น สุขุมนุ่มลึก สมองปลอดโปร่ง แล้วบรรดาเรื่องต่าง ๆ ก็จะไม่สามารถกวนคุณให้อารมณ์ปะทุขึ้นได้โดยง่าย

5.ฝึกอ่านหนังสือตั้งแต่ต้นจนจบ.....เปิดหนังสือหน้าแรกก็ต้องรีบวาง ไม่ใช่ว่าหนังสือหน้าเบื่อ แต่เป็นเพราะคุณไม่อาจทนต่อการอ่านหนังสือจนจบได้ ดังนั้นการฝึกอ่านหนังสือตั้งแต่หน้าแรกไปถึงหน้าสุดท้าย นอกจากจะได้ความคิดดี ๆ แล้ว ยังลดความพลุ่งพล่านทางอารมณ์ของคุณได้อีกด้วย

6.คิดหาเหตุผล.....หลักการทางวิทยาศาสตร์ยังใช้ได้ดีกับคนอารมณ์ร้อนอีกด้วย จงใช้วิจารณญาณ ในการคิดและตัดสินใจ จะพบว่าที่เคยร้อนจะผ่อนคลายลงเป็นเย็นเยียบ และเฉียบขาดในการแก้ไขปัญหานั้น ๆ

7.ฝึกขอโทษ..... คำว่าขอโทษสามารถระงับอารมณ์ร้อนของคุณเองได้ แล้วยังสามารถระงับอารมณ์เดือด ๆ ของคนอื่นได้ด้วย การเริ่มตันในบางสถาณการณ์ด้วยคำว่าขอโทษ องศาเดือดที่ทำท่าว่าจะคุกรุ่นย่อมลดลงด้วยเช่นกัน

8.ยิ้มเข้าไว้ ..... คุณเคยยิ้มแบบเสแสร้งไหม ? ยิ้มแบบที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ยิ้มแก้เขิน ยิ้มทั้ง ๆ ที่ไม่อยากยิ้ม แต่เมื่อยิ้มออกไปแล้วจะไม่มีภัยมาถึงตัว เพราะรอยยิ้มคือมิตรภาพ คือความอบอุ่น คือไมตรีจิตที่ส่งถึงกันได้ การยิ้มบ่อย ๆ จะสามารถระงับอารมณ์ร้อน ๆ ของคุณได้อย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

*****************************


"การใช้ชีวิต 6 ระดับ"


 1. การใช้ชีวิตตามความหวาดกลัว คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในระดับนี้ การใช้ชีวิตในระดับนี้ การตัดสินใจในชีวิตไม่สนใจเรื่องถูกต้อง แต่สนใจในเรื่องถูกใจ คิดแต่ความหวาดกลัว เช่น กลัวลูกน้องไม่รัก กลัวเพื่อนไม่คบ

2. การใช้ชีวิตตามกติกา ในระดับสังคมบ้านเมือง เราใช้กติการในการดำเนินชีวิตมาก กติกาหลักๆ ที่เราใช้ มักจะเกี่ยวข้องอยู่กับ เรื่องสองสามเรื่องคือ "เงิน-เศรษฐศาสตร์" เราจะคำนึงถึงความคุ้ม กำไรและมักใช้สิ่งนี้ เป็นเหตุผลในการตัดสินใจ "วิชา" การตัดสินใจทำสิ่งใด อาศัยว่าได้เรียนมาอย่างไรก็ทำไปตามนั้น "กฎหมาย" ชีวิตเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกฎหมาย ดำเนินชีวิตไปตามกฎเกณฑ์ ที่กฎหมายกำหนดไว้

3. การใช้ชีวิตตามสำนึกที่ดี ส่วนใหญ่แล้วเราใช้ชีวิตในระดับสำนึกที่ดี แต่บางทีเราก็ท้อแท้ว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี เพราะเราทำดีแล้ว เราหวังว่าเราควรจะได้อะไรตอบแทน ที่ไม่ได้ก็ผิดหวัง แต่เมื่อเราได้พบเห็นคนที่เขาทุกข์ยาก ลำบากกว่าเรา เราเองก็อาจจะรู้สึกว่า โชคดีเท่าไรแล้ว ที่เราได้ทำดี ได้ใช้ชีวิตที่ดี

4. การใช้ชีวิตตามความจริง คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในระดับนี้ เป็นคนที่อยู่กับความจริงที่มันเป็นจริงๆ คาดหวังให้ตรงกับความเป็นจริง ความจริงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องค้นหา เพียงแต่อย่าใส่ความไม่จริงลงไป ถ้าเราใช้ชีวิตอย่าง ไม่เข้าใจความจริง เราก็จะใช้ชีวิตไปตามแรงจูงใจ ด้วยอุดมคติ แรงจูงใจด้วยความคาดหวัง ซึ่งเสี่ยงต่อความพลาดผิดหวัง ท้อแท้ และเสียใจ

5. การใช้ชีวิตด้วยความว่าง เมื่อเราเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่มันตกลงตรงหน้าเรา เห็นว่าสิ่งทั้งหลายมันเปลี่ยนแปลง และมีวันตาย เห็นความจริงว่า มันสุขๆ ทุกข์ๆ เมื่อเจอความทุก เราก็สามารถเผชิญหน้ากับมันได้ คนที่ใช้ชีวิตในระดับนี้ จะทำใจได้ว่าปัญหาเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นธรรมชาติที่ชีวิตต้องเจอ

6. ชีวิตที่หลุดพ้น เป็นชีวิตที่แข็งแรง ไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของความอยาก ความต้องการใดๆ ที่เกินจำเป็น มองเห็นชีวิตตามความเป็นจริง เลือกใช้ชีวิตแต่ในสิ่งที่เป็นสาระ

*** ได้จาก หนังสือเรื่อง "แรงดลใจแห่งชีวิต" ผู้เขียนคือ คุณโสภณ สุภาพงษ์ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า ส่วนมากเราจะใช้ชีวิตกันอยู่ที่ระดับที่ 1 - 4 ขึ้นอยู่กับว่า บุคคลนั้น ได้รับการอบรม และสั่งสมประสบการณ์ชีวิตมาอย่างไร..
*************************



30 ข้อคิดในการใช้ชีวิต

1. อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้น

2. เมื่อมีคนเล่าว่า เขามีส่วนในเหตุการณ์สำคัญอะไรก็ตาม เราไม่ต้องไปคุยทับ ปล่อยเขาฟุ้งไปตาม สบาย

3. รู้จักฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเหมือนกัน

4. หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่ตามริมทางเสียบ้าง

5. จะคิดการใด จงคิดการให้ใหญ่ๆ เข้าไว้ แต่เติมความสุข สนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย

6. หัดทำสิ่งดีๆ ให้คนอื่นจนเป็นนิสัย โดยไม่จำเป็นต้องให้เขารู้

7. จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น

8. เวลาเล่นเกมกับเด็กๆ ก็ปล่อยให้แกชนะไปเถอะ

9. ใครจะวิจารณ์เรายังไงก็ช่าง ไม่ต้องไปเสียเวลาตอบโต้

10. ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ "สอง" แต่อย่าให้ถึง "สาม"

11. อย่าวิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุข ก็ลาออกซะ

12. ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้ว อะไรๆ มันก็ไม่สำคัญอย่างที่คิดไว้ทีแ รกหรอก

13. ใช้เวลาน้อยๆในการคิดว่า "ใคร" เป็นคนถูก แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า "อะไร" คือสิ่งที่ถูก

14. เราไม่ได้ต่อสู้กับ "คนโหดร้าย" แต่เราต่อสู้กับ "ความโหดร้าย" ในตัวคน

15. คิดให้รอบคอบก่อนจะให้เพื่อนต้องมีภาระในการรักษาความลับ

16. เมื่อมีใครสวมกอดคุณ ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน

17. ยอมที่จะแพ้ในสงครามย่อยๆ เมื่อการแพ้นั้นจะทำให้เราชนะสงครามใหญ่

18. เป็นคนถ่อมตน ...คนเขาทำอะไรต่ออะไรสำเร็จกันมามากมายแล้วตั้งแต่เรายังไม่เกิด

19. ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด ...สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้

20. อย่าไปหวังเลยว่าชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม

21. อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นเขาเบื่อหน่าย ถ้ามีใครมาถามเราว่า "เป็นอย่างไรบ้างตอน
นี้" ก็ ตอบเขาไปเลยว่า "สบายมาก"

22. อย่าพูดว่ามีเวลาไม่พอ เพราะเวลาที่คุณมีมันก็วันละ 24 ชั่วโมง เท่าๆ กับ หลุยส์ ปาสเตอร์, ไมเคิลแอนเจลโล, แม่ชีเทเรซา, ลีโอนาร์โด ดา วินซี, ทอมัส เจฟเฟอร์สัน หรือ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ ที่เขามีนั่นเอง

23. เป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวกลับไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว

24. ประเมินตนเองด้วยมาตราฐานของตัวเอง ไม่ใช่ด้วยมาตราฐานของคนอื่น

25. จริงจังและเคี่ยวเข็ญตนเอง แต่อ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น

26. อย่าระดมสมอง เพราะไอเดียดีๆ ใหม่ๆ และยิ่งใหญ่จนสามารถเปลียนแปลงโลกได้ ล้วนมาจาก บุคคลที่คิดค้นอยู่แต่เพียงผู้เดียวทั้งสิ้น

27. คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น (มิใช่สอดรู้สอดเห็น)

28. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ว่างานนั้นจะกระจอกงอกง่อยสักปานใด

29. คำนึงถึงการมีชีวิตให้ "กว้างขวาง" มากกว่าการมีชีวิตให้ "ยืนยาว"

30. มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ

*************************